UEFA Champions League Final 2022/23 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปะทะ อินเตอร์ มิลาน

UEFA Champions League ใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว เรานั้นได้คู่ชิงชนะเลิศในปีนี้แล้วก็คือ แมนเชสตอร์ ซิตี้ ทีมเต็งแชมป์อันดับ 1 จากเกาะอังกฤษ ต้องโคจรมาเจอกับทีมงูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ที่ในฤดูกาลนี้ฟอร์มของพวกเขาดีเป็นอย่างมาก ทั้งคู่ผ่านศึกหนักมาด้วยด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ แมนฯซิตี้ ที่พวกเขาพึ่งจะเอาชนะแชปม์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด มาได้แบบขาดลอย 5-1 [สกอร์รวม] โดยวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกกับฟร์มการเล่นของทั้ง 2 ทีมกันว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงทะลุเข้ามาเล่นยังรอบชิงชนะเลิศในปีนี้ได้สำเร็จ

UEFA Champions League สำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

UEFA Champions League

แน่นอนทีม เรือใบสีฟ้า จากอังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า พวกเขาถูกวางให้เป็นทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดและมันก็ใกล้ที่จะเป็นไปตามนั้นแล้ว แมนฯซิตี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นเพียงไม่กี่ตำแหน่งเท่านั้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็คือกองซื้อกองหน้าที่เรียกได้ว่าร้อนแรงที่สุดในขณะนี้เข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ นั่นก็คือ เออร์ลิ่ง เบร้าน์ ฮาลันด์ และเรียกได้ว่านี่คือจุดเปลี่ยนเลยก็ว่าได้ จากการที่พวกเขานั้นต้องปล่อยทั้งราฮิม สเตอริ่งให้กับเชลซี รวมถึงกาเบรียล เฆซุส ให้กับอาร์เซน่อล และผู้คนต่างคิดว่านี่อาจจะทำให้ทีมอย่างเรือใบสีฟ้าดรอปลง แต่ไม่เลยพวกเขากลับได้ศูนย์ที่ แมนฯซิตี้ ต้องการมากที่สุด คือคนที่สามารถจบสกอร์ได้ไม่ว่าจะอยู่ในจังหวะไหน เพราะอย่าลืมว่าในทีมนั้นมีเจ้าพ่อจอมแอสซิสต์อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ อยู่กับทีมที่ไม่ว่าช่องนั้นจะมีมากหรือนั้นเพียงใด เขาก็พร้อมที่จะจ่ายทะลุไปได้เสมอ

UEFA Champions League

เรื่องฟอร์มการเล่นช่วงแรกพวกเขาอาจจะสะดุดไปบ้าง เนื่องจากว่าเจ้ายักษ์ ฮาลันด์ อาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยเข้ากับทีมได้เท่าไหร่ แต่พอเขาเริ่มเข้าที่แล้วกลับเป็นฝ่ายไล่ถล่มประตูคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นในลีกหรือนอกลีกเองก็ตาม ทำให้มีสถิติที่ยอดเยี่ยม โดยปัจจุบันเจ้าตัวยิงไปแล้ว 52 ประตู รวมทุกรายการและในพรีเมียร์ลีก ก็ซัดไปแล้วถึง 36 ประตูด้วยกัน ซึ่งทำลายสถิตินักเตะที่ยิงได้มากที่สุดในลีกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้พวกเขายังมีลุ้นแชมป์ถึง 3 รายการด้วยกัน และก็คาดการณ์กันว่าพวกเขาจะกวาดได้ทั้งหมด

อินเตอร์ มิลาน

UEFA Champions League

ส่วนทางด้านงูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน แม้พวกเขาจะพลาดแชมป์ในลีก ที่ต้องตกเป็นของนาโปลีไปแล้วนั้น ฟอร์มการเล่นของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทีมจากอังกฤษเลย ผลงานโดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะในแนวรุกอย่าง โรเมลู ลูกากูและเอดิน เซโก้ ที่ระเบิดฟอร์มร้อนแรงซัดประตูให้อันดับในลีกของพวกเขาพุ่งขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของ ตารางคะแนนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ยังไม่รวมแผงมิดฟิลด์อย่าง Nicolo Barella Hakan Calhanoglu Henrikh Mkhitaryan เหล่านี้เองก็ตาม ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ใช่งานง่ายของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในนัดชิงชนะเลิศอย่างแน่นอน

UEFA Champions League

และที่สำคัญ 10 นัดหลังสุดของพวกเขาทั้ง 2 ทีม นั้นยังไม่แพ้ใครอีกด้วย ถ้าจะบอกว่าฟอร์มของทีมไหนร้อนแรงที่สุด ก็ต้องเป็น 2 ทีมนี้อย่างแน่นอน